วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

คำคม

มนุษย์ถูกสร้างมาเท่าเทียมกัน

พวกเขาได้รับมอบจากพระเจ้า

สิทธิบางอย่างที่ไม่อาจแปลงเป็นอย่างอื่นได้

สิทธิ เช่น ชีวิต เสรีภาพ และการแสวงหาความสุข

สิ ท ธิ แ ล ะ เ ส รี ภ า พ

" ค ว า ม เ งี ย บ ใน บ า ง ค รั้ ง คือ ก า ร โ ต้ แ ย้ ง กั บ ก า ร ย อ ม รั บ "



" ค ว า ม ยุ ติ ธ ร ร ม ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย

ก า ร ไ ม่ แ ย่ ง ชิ ง ข อ ง ที่ เ ป็ น ข อ ง ค น อื่ น ม า เ ป็น ข อ ง ต น เ อ ง "


ทอมัส ฮอบส์





ป รั ช ญ า สั ง ค ม แ ล ะ ก า ร เ มื





สวัสดีคะ ท่านอาจารย์ เพื่อนๆ พี่น้องชาว Blog ทุกท่าน สาระความรู้ที่ทุกคนจะได้อ่านนี้เป็นบทความปรัชญาสังคมและการเมือง ในหัวข้อ “สิทธิกับเสรีภาพ” บทความนี้เป็นบทความที่เขียนขึ้นเกี่ยวกับสังคมและการเมือง เป็นครั้งแรกที่ดิฉันได้เขียนบทความที่เกี่ยวข้องกับสังคมและการเมือง จึงหยิบยกหัวข้อในเรื่องของ “สิทธิกับเสรีภาพ” นับว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งในสังคมที่น่าสนใจทีเดียวเลยคะ



" ค น โ ด ย ธ ร ร ม ช า ติ แ ล้ ว คื อ สั ต ว์ ก า ร เ มื อ ง "



ปรัชญาสังคมและการเมือง


ถ้าพูดถึงคำว่า “ การเมือง ” ทุกคนคงนึกถึงสภาพสภาวะการเมืองของบ้านเราที่มีความวุ่นวายเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการโต้แย้งกัน คัดค้านกัน เรื่องของความพึงพอใจและการขัดผลประโยชน์ของฝ่ายแต่ละฝ่าย ตามความคิดของดิฉัน การเมืองก็เป็นเรื่องของการที่ใครจะได้รับผลประโยชน์มากน้อยแค่ไหน ใครจะได้รับการยอมรับต่อประชาชนมากกว่ากัน มันเป็นสังคมหนึ่งที่มีแต่ความแก่งแย่งชิงดีกันมากกว่า ที่จะเป็นการกระทำเพื่อประชาชนหรือส่วนรวม


มากล่าวกันในเรื่องของ ปรัชญาสังคมและการเมืองเลยดีกว่า บางคนคงทราบถึงปรัชญาการเมืองและสังคมมาบ้างแล้วแต่บางคนอาจจะยังไม่ทราบ ปรัชญาการเมือง Political Philosophy เป็นปรัชญาแนวคิด คุณค่าที่เกี่ยวกับส่วนรวม เช่น เรื่องอำนาจ สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ความเป็นธรรม เป็นต้น ปรัชญาการเมืองและสังคม ที่ดิฉันจะกล่าวนี้เป็นปรัชญาสังคมและการเมืองในเรื่องของ “สิทธิกับเสรีภาพ” เป็นการหยิบยกแนวคิดทัศนะของนักปรัชญาการเมืองสมัยใหม่


ในบทนี้กล่าวถึง เรื่องสิทธิและเสรีภาพ ดิฉันเชื่อว่าในเรื่องของสิทธิและเสรีภาพเรื่องนี้ทุกคนคงเคยได้ใช้กันในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว หรืออาจจะค้นเคยกับคำสองคำนี้ ในการติดต่อสื่อสาร ข้อความหรือแม้การเขียนก็ตาม มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ จากคู่รักขยายออกเป็นครอบครัว จากครอบครัวขยายออกเป็นสังคม จากสังคมขยายออกเป็นรัฐ จากรัฐขยายออกเป็นประเทศ จากประเทศก็ขยายออกกว้างไปอีก แต่จะกล่าวกันถึงเรื่องสิทธิกับเสรีภาพ มนุษย์ทุกคนมีสิทธิที่จะกระทำสิ่งใดก็ได้ตามแต่ความพึงพอใจและความถนัดของตนเอง ตัวอย่างเช่น คุณไม่มีสิทธิที่จะเข้ามาหยิบของของฉัน นี้ก็เป็นคำหนึ่งในเรื่องของสิทธิ หรือในเรื่องของเสรีภาพ ตัวอย่างคือ ดิฉันมีเสรีภาพที่จะพูดหรือคิดเรื่องเกี่ยวกับการเมืองไทยในปัจจุบัน เป็นต้น


คำว่าสิทธิ (right) และเสรีภาพ (liberty)เป็นคำทางการเมือง สิทธิ คือ อำนาจอันชอบธรรม ซึ่งบุคคลทุกคนพึงมีพึงได้ โดยไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น ส่วนเสรีภาพ คือ การที่บุคคลมีอิสระในการที่จะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งตามความประสงค์ของตน




ป ร ะ เ ด็ น เ รื่ อ ง “สิ ท ธิ ”



ตามทัศนะของดิฉันที่เข้าใจในเรื่องประเด็นของ “สิทธิกับเสรีภาพ” สิทธิเป็นในเรื่องของการใช้อำนาจอันชอบธรรม อย่างเช่น ถ้าเราอยู่ภายในบ้านของเราเอง คุณจะกระทำตามใจตนแบบใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น การกิน เดิน นอน นั่ง จะนอนกินหน้าบ้านหรือจะยืนดูหนังก็ได้ แต่ถ้าคุณออกจากบ้าน อยู่ในที่สาธารณะ เช่น สถานที่ราชการหรือในที่เป็นทางการ คุณจะไม่สามารถกระทำตามใจตนเองได้เหมือนที่คุณอยู่บ้านทุกคนมีสิทธิอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว พึงกระทำหรือไม่กระทำก็ได้ ตามสิทธิของตน แต่ในกรณีที่ทุกคนยอมรับในเงื่อนไขของสังคม การที่ใช้สิทธิก็เปรียบกับว่าได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกฏกติกา ในสังคมแล้ว อย่างที่เวลาเราทำการเลือกตั้งเราก็ต้องออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ทุกคนมีเสียงหนึ่งสิทธิเท่านั้นเพื่อที่จะเลือกผู้ที่เป็นตัวแทนเรา ไม่มีใครสามารถมีสิทธิมากว่ากันหรือใช้สิทธิมากกว่า โดยการใช้สิทธิหลายครั้งได้ คนหนึ่งคนมีการใช้สิทธิเลือกตั้งได้เพียงหนึ่งเสียง หนึ่งสิทธิเท่านั้น มนุษย์ทุกคนมีความเห็นแก่ตัวและเห็นผลประโยชน์ส่วนตนเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ธรรมชาติอันนี้ทำให้มนุษย์สามารถรับกฏกิตกาที่ทำให้ตนเองไม่เสียเปรียบได้ เมื่อต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน วิธีการที่จะทำให้มนุษย์ยอมรับการอยู่ร่วมกันก็คือ การตั้งกฏกติกาของสังคมขึ้นมา เพื่อการไม่เป็นการเอาเปรียบกันและกัน


ดังจะกล่าวแนวคิดนักปรัชญาการเมืองสมัยใหม่ ประเด็น เรื่อง “สิทธิ” ตามทัศนะของ ฮอบส์เชื่อว่า คนทุกคนเมื่ออยู่นอกสังคมการเมืองสามารถอ้างได้ว่าตนเองเป็นเจ้าของสิ่งต่างๆ ในธรรมชาติได้เท่าเทียมกัน ฮอบส์เรียกการที่เราสามารถอ้างได้เช่นนั้นว่าสิทธิโดยธรรมชาติ แต่มนุษย์ตกลงร่วมกันว่าจะสร้างสังคมการเมืองขึ้น มนุษย์จำเป็นต้องจำกัดขอบเขตสิทธิโดยธรรมชาตินั้น กล่าวคือ เมื่อมารวมกันอยู่เป็นรัฐหรือเป็นประเทศแล้ว เราอ้างสิทธิที่จะทำอะไรได้ตามชอบใจเหมือนเมื่อครั้งอยู่นอกสังคมไม่ได้ การเข้ามาอยู่ในสังคมการเมืองในทัศนะของฮอบส์ คือการที่คนทุกคนพร้อมใจกันที่จะจำกัดสิทธิโดยธรรมชาติที่ตนมีอยู่ภายในขอบเขตที่เท่าเทียมกันได้



ป ร ะ เ ด็ น เ รื่ อ ง “ เ ส รี ภ า พ ”



ตามทัศนะของดิฉันว่าในเรื่อง “เสรีภาพ” กล่าวถึงสิทธิกันมาแล้ว ก็ว่าต่อในเรื่องของเสรีภาพ เสรีภาพ คือ การที่บุคคลมีอิสระในการที่จะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งตามความประสงค์ของตน ดิฉันจะยกตัวอย่างเสรีภาพมาให้ทุกคนได้เห็นคือ การที่เราอยู่ในสังคมและมีสิทธิแล้ว เราก็ต้อมมีเสรีภาพด้วย เสรีภาพในที่นี้ดิฉันจะอธิบายคือ เราใช้เสรีภาพในชีวิตประจำวันเสมอและใช้ในการสื่อสารด้วย มนุษย์ทุกคนมีความเชื่อที่แตกต่างกัน มีเสรีภาพที่จะเชื่อหรือนับถือต่างกัน อย่างในเรื่องของศาสนา คนแต่ละคนในสังคมมีความเชื่อศรัทธาศาสนาที่ไม่เหมือนกัน อย่างคนไทยก็มีความเชื่อในพระพุทธศาสนา มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำประเทศไทย มีพระพุทธเจ้าที่ทรงเป็นผู้สั่งสอนเราให้ประพฤติอยู่ในศีลธรรม จริยธรรม และคุณงามความดี เป็นต้น


ตามทัศนะของ ฮอบส์ เรื่อง “เสรีภาพ” คือการที่คนทุกคนสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ตามใจตนเอง..แต่เพราะสังคมนั้นมีกฏกติกาเลยต้องมีขอบเขตจำกัดในการกระทำของคนแต่ละคนไว้ ฮอบส์ถือว่ามนุษย์อยู่ในสังคมการเมืองต่างถูกจำกัดเสรีภาพเท่าเทียมกัน สังคมที่มีเสรีภาพเต็มที่ในปัจจุบันเห็นจะเป็นสังคมของสัตว์เท่านั้น แต่สำหรับสังคมของคนเรานั้นไม่มีเสรีภาพอย่างปราศจากขอบเขตจำกัดเช่นนั้นแล้ว


มนุษย์มีสิทธิเสรีภาพที่เท่าเทียมกัน อยากจะกระทำสิ่งใดก็ได้ตามใจตนเองแต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่ถูกกำจัดไว้โดยกฏกติกาของสังคม ที่ทุกคนต้องยอมรับโดยธรรมชาติ


ธรรมชาติสร้างมนุษย์ให้เกิดมามีสิทธิเสรีภาพโดยธรรมชาติ แต่ถ้าไม่มีกฏกติกาสังคมคงเกิดความสับสนวุ่นวายอย่างแน่นอน

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""'


" เ ร า ไ ม่ มี สิ ท ธิ ที่ บ ริ โ ภ ค ค ว า ม มั่ ง คั่ ง แ ล ะ ค ว า ม สุ ข

ถ้ า ห า กเ ร า ไ ม่ ไ ด้ เ ป็ น ผู้ ส ร้ า ง มั น ขึ้ น ม าเ อ ง "

ยอร์ เบอร์นาร์ด ชอว์